วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ม.เรศวร ชู “ ระบำชาวดินรำพัน ” ลีลาจากหัตถศิลป์พื้นถิ่น เครื่องปั้นดินเผา


มหาวิทยาลัยนเรศวรชู “ระบำชาวดินรำพัน”
ลีลาจากหัตถศิลป์พื้นถิ่น เครื่องปั้นดินเผา
หนึ่งในเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมชุมชนทุ่งหลวง คีรีมาศ สุโขทัย

            “ระบำชาวดินรำพัน” เมื่อแรกได้ยินชื่อนี้ ก็ให้คิดว่าคงเป็นศิลปะการแสดงที่เปรียบเปรยชาวดินผู้ต่ำต้อยกับชาวฟ้าผู้สูงศักดิ์ จนกระทั่งได้ลงพื้นที่ศึกษาและพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวแบบใหม่ ในนามของสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวรณ ตำบลทุ่งหลวง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัยจึงได้ถึงบางอ้อว่า ระบำชาวดินรำพันนั้นหมายถึงดินจริง ๆ



Culdutainmentคือการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมอย่างสนุกสนาน อยากเรียนรู้ และอยากกลับมาเที่ยวใหม่ เป็นการท่องเที่ยวอย่างเก๋ไก๋ เที่ยวแบบอยากเรียนรู้พื้นถิ่นอย่างลึกซึ้ง และระบำชาวดินรำพันคือหนึ่งในเส้นทางการท่องเที่ยวของชุมชนทุ่งหลวง นับเป็นนวัตกรรมของชุมชนทุ่งหลวง เพราะเป็นการนำรูปแบบและเรื่องราวของเครื่องปั้นดินเผา มาประยุกต์เป็นท่วงท่าระบำ โดยชุมชนช่วยกันคิดประดิษฐ์ขึ้นมาเอง”ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล ผู้อำนวยการสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวินเกริ่นถึงที่มา
            “ระบำชาวดินเป็นการแสดงพื้นบ้านของชุมชนชาวทุ่งหลวง เพื่อต้องการเล่าเรื่องเครื่องปั้นดินเผาที่มีมาแต่โบราณให้แก่เด็กรุ่นหลังได้รู้จัก ภาคภูมิใจ และต้อนรับนักท่องเที่ยว แขกบ้านแขกเมือง โดยเป็นการเล่าผ่านเสียงเพลงและท่วงท่าระบำที่ชุมชนช่วยกันคิด ช่วยกันแต่งขึ้นมา”นายวันชัย โมรัษเฐียร รองนายกเทศมนตรีตำบลทุ่งหลวง เล่าถึงความเป็นมาและความสำคัญของการแสดงชุดนี้


            ป้าเฉลิม เสาวนิตย์ คนในชุมชนบ้านทุ่งหลวง หนึ่งในผู้ประดิษฐ์ท่ารำระบำชาวดินรำพันเล่าว่า “การแสดงระบำชาวดินนี้มีผู้แสดงทั้งหมด ๑๕ คน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นปู่ ย่า ตา ยายในชุมชนนี่เอง โดยเล่าเรื่องตั้งแต่เมืองสุโขทัย มีพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มีโบราณสถาน โบราณวัตถุที่สำคัญ สาเหตุที่ต้องเล่าเรื่องเมืองสุโขทัยก็เนื่องมาจากมีความเกี่ยวข้องกับเครื่องปั้นดินเผาของชาวทุ่งหลวง นั่นคือ ในอดีตพระยาลิไททรงโปรดปรานงานฝีมือมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องปั้นดินเผา ท่านได้นำหม้อกรัน ซึ่งเป็นเครื่องปั้นดินเผาสิริมงคลของบ้านทุ่งหลวงไปมอบให้กับเพื่อนของท่าน”
            คำบอกเล่าของป้าเฉลิมสอดคล้องกับตำนานเครื่องปั้นดินเผาของทุ่งหลวงที่ว่า เป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุโขทัย มีกรรมวิธีการผลิตที่สืบทอดภูมิปัญญามาจากบรรพบุรุษอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สืบต่อกันมายาวนาน ดังปรากฏในบันทึกของสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัติวงศ์เมื่อครั้งเดินทางมาสำรวจมณฑลพิษณุโลก เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๔๔ ความตอนหนึ่งว่า“วันที่ ๑๘ เวลาตื่นนอนตอนเช้า พระยาสุโขทัยเอาหม้อกรันมาให้ ๓ ใบ เป็นหม้อที่ตั้งใจทำอย่างประณีตภาษาบ้านนอก เขาทำที่บ้านทุ่งหลวง อยู่ใต้เมืองสุโขทัยฝั่งตะวันตก หม้อใหญ่กระพุงเกือบ ๒ ศอกเขาก็ทำ มีชุมพละสีหสงครามให้มาแต่วัง ไม้ขรก็มี”


                หม้อกรันที่กล่าวถึงนี้ ในบันทึกของสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ระบุไว้ว่า เป็นหม้อน้ำในสมัยโบราณที่เป็นรูปแบบเฉพาะของบ้านทุ่งหลวง ด้วยกรรมวิธีการผลิตทำให้หม้อกรันมีความเย็นกว่าหม้อปกติทั่วไป นอกจากนี้หม้อกรันยังเป็นหม้อสิริมงคล ซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่ครั้งสมัยพระร่วงครองเมืองสุโขทัย โดยใช้เป็นวัตถุมงคลสำหรับการขึ้นบ้านใหม่ การแต่งงานออกเรือน และมีความเชื่อว่าสามารถป้องกันสิ่งที่ไม่ดี สิ่งชั่วร้ายได้ มีความหมายดังนี้
            ฝาปิด เรียกว่า ฝาระมี หมายถึง ความมั่งมีศรีสุข
            กระพุง หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ มีกิน มีใช้
            ฐาน หมายถึง รากฐานในความมั่นคงในการดำรงชีวิต
นายวันชัย โมรัษเฐียรกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในอดีตชาวทุ่งหลวงนิยมนำหม้อกรันมาใส่น้ำดื่ม รวมถึงใช้เก็บข้าวปลาอาหารต่าง ๆ เพื่อเป็นการถนอมอาหาร เรียกว่าแทนตู้เย็นในสมัยนี้ได้อย่างสบาย ๆ”
หากถามถึงใจความสำคัญของการแสดงระบำชาวดินรำพัน แน่นอนว่าเป็นการถ่ายทอดเรื่องราว กระบวนการทำเครื่องปั้นดินเผา โดยป้าเฉลิมเน้นว่า



            “ที่เห็นย่ายายกระเดียดกระด้ง กระจาด เป็นการสื่อให้เห็นว่าสมัยก่อนทำเครื่องปั้นดินเผาไว้ใช้ในการแลกเปลี่ยน ไม่ใช่ค้าขาย โดยนำดินเผาไปแลกอาหารและสิ่งจำเป็น เช่น ข้าว ข้าวเปลือก ถ่าน กล้วย อ้อย แลกแบบไหต่อไห หม้อต่อหม้อส่วนเกวียนแสดงถึงการขนส่ง นำดินเผาใส่เกวียนไปแลกที่หมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งใช้เวลาในเดินทางกันเป็นเดือน ๆ”
            เรียกได้ว่า ทุกลีลา ท่วงท่าการแสดงล้วนมีความหมายทั้งสิ้น
            การแบกฟืน สื่อว่า การเผาเครื่องปั้นดินเผาในอดีตใช้ฟืนไม้ไผ่ป่าเท่านั้น เพราะเวลาเผาเมื่อความร้อนได้ที่จะมีความแรงสูงถึง ๘๐๐ - ๙๐๐ องศา
                การถือพระพิฆเนศ แม่พระธรณี เป็นการบอกเล่าเก้าสิบ ขออนุญาตก่อนลงมือทำเครื่องปั้นดินเผา พร้อมการถือบายศรี เป็นการสักการะบูชา
            การหาบดิน ถือจอบ สื่อให้รู้ว่า สมัยก่อนไม่มีรถ การขุดดินต้องถือจอบ หาบตะกร้าไปขุดดิน ขนทราย แล้วนำมาแช่น้ำ ใช้เท้าย่ำ เพราะไม่มีรถอัดดินเหมือนปัจจุบัน
            “สื่อทุก ๆ ชิ้นล้วนสื่อให้เห็นการทำเครื่องปั้นดินเผาในอดีตที่ใช้มือทั้งหมด ตั้งแต่การเหยียบดินด้วยเท้าในรางไม้ ซึ่งใช้เวลานานมากกว่าดินกับทรายจะเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นก็คั้นเพื่อหาก้อนกรวดออก ปั้นก้อน ขึ้นรูปบนแป้นไม้ แล้วนำมาตีอีกครั้งหนึ่ง”เรียกว่ากว่าจะได้หม้อสักใบต้องใช้เวลาและความมุ่งมั่นอุตสาหะไม่ใช่น้อย
            เมื่อถามถึงการสืบทอดการแสดง “ระบำชาวดินรำพัน” เป็นที่น่ายินดีว่า จากรุ่นปู่ย่าตายายได้มีการสืบทอดมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน โดยป้าเฉลิมเล่าว่า
            “ทางโรงเรียนวัดลายมิตรภาพและโรงเรียนวัดกลางได้นำระบำชาวดินของรุ่นยายไปประยุกต์ สอนให้นักเรียนที่สนใจ โดยเน้นการถือเครื่องปั้นดินเผา เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์มากขึ้น ส่วนเพลงจะเป็นเพลงเดิม”
            ระบำชาวดินรำพันรุ่นเด็ก นับเป็นกลยุทธ์การสืบทอดด้วยวิธีประยุกต์ให้มีความร่วมสมัย ส่วนชาวดินรำพันรุ่นยายคือการอนุรักษ์ การสะท้อนกลิ่นอายดั้งเดิม ความเป็นธรรมชาติ ชีวิตชีวา อันสุดแสนทรงเสน่ห์


            ระบำชาวดินรำพันคือหนึ่งในการรังสรรค์ภูมิปัญญา ศิลปะ วัฒนธรรม ที่เชื่อมโยงอุตสาหกรรมในท้องถิ่น ตั้งแต่วัดโบราณ ชุมชนโบราณ เครื่องปั้นดินเผา พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน อาหารพื้นถิ่น โฮมเสตย์ และศิลปะการแสดง อันสะท้อนวิถีชีวิตของชาวทุ่งหลวงอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่รอให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจไปยลเยือน



พรปวีณ์  ทองด้วง   สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวินมหาวิทยาลัยนเรศวร
เรวัติ  น้อยวิจิตร  Hub Admin rewat.noyvijit@hotmail.com  081-9107445

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น