วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

สระบุรี ปล่อยตัวผู้ต้องขัง ชั้นดี ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ





               จังหวัดสระบุรีปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี






               เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2558 เวลา09.00 น.ที่เรือนจำจังหวัดสระบุรี นายภคพงศ์  ทวิพัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี  เป็นประธานในพิธีปล่อยตัวผู้ต้องขังราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นนักโทษเด็ดขาด คดีทั่วไป  ผู้ต้องกักขัง และนักโทษเด็ดขาด ที่ศาลตัดสินมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และผู้ที่เหลือโทษไม่เกิน 1 ปี และ 2 ปี จำนวน 404 คน เป็นชาย 348 คน และหญิง 56คน  ด้วยท่ามกลางความยินดีของญาติพี่น้องที่ต่างมารอรับญาติของตน  ซึ่งผู้ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และได้ให้คำปฏิญาณตนว่าจะประพฤติตัวเป็นคนดีของสังคมต่อไป      



  
             นายเกษม  ธุวพาณิชยานันท์  ผู้บัญชาการ เรือนจำจังหวัดสระบุรี   กล่าวว่า ผู้ต้องขังที่ได้รับการพระราชทานปล่อยตัวตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2558 เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี   เพื่อให้ผู้ต้องขังได้กลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองที่ดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ






               โดยที่จังหวัดสระบุรีมีผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับการปล่อยตัวในครั้งนี้จำนวน  404 คน เป็นชายจำนวน  348  คน หญิงจำนวน  56  คน โดยแยกเป็นผู้ต้องกักขังแทนโทษจำคุกหรือกักขังแทนค่าปรับจำนวน 105 คน นักโทษเด็ดขาดตามมาตรา 6(1) ซึ่ง เหลือโทษไม่เกิน 1 ปี จำนวน 282 คน และนักโทษเด็ดขาดตามมาตรา 6 (2) ซึ่ง เหลือโทษไม่เกิน 2 ปี จำนวน 17 คน   ซึ่งทางเรือนจำจังหวัดสระบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดเตรียมความพร้อมก่อนที่จะส่งบุคคลเหล่านี้กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ชุมชน และสังคม โดยการให้การศึกษา อบรมพัฒนาจิตใจ และการฝึกทักษะอาชีพ การแนะแนวทางประกอบอาชีพ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมภายนอกได้อย่างปกติสุข มีอาชีพที่สุจริต ไม่เป็นภาระและไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมต่อไป




(คนธรรมดา  ม้าตัวเดียว)
เรวัติ น้อยวิจิตร  hub admin  rewat.noyvijit@hotmail.com  08-1910-7445

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น