ความภาคภูมิใจของชาวมหาวิทยาลัยนเรศวร
ร่วมพลิกฟื้นพระราชวังจันทน์
เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้
สะท้อนความรุ่งเรืองของประวัติศาสตร์ชาติไทย
ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
วันที่
๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ นับเป็นวันแห่งความปลื้มปิติและความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดพิษณุโลก
เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ณ พระราชวังจันทน์
ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทย ด้วยเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ สถานที่พระราชสมภพและประทับขณะดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารีทรงพระสุหร่ายพระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร
(จำลอง) หรือพระอัฏฐารส และทรงเปิดป้ายอาคารศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์
ในฐานะของคนทำงาน
ณ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวรให้รู้สึกอิ่มเอิบใจ
ด้วยเป็นหนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนการบูรณะและพัฒนาพระราชวังจันทน์
ตามนโยบายของศาสตราจารย์ ดร.สุจินต์ จินายน อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ด้วยเป็นสถาบันการศึกษาที่ได้รับพระราชทานพระนามของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นชื่อของมหาวิทยาลัย
“เมื่อมีคนถามถึงพระราชวังจันทน์
ถ้าเราชาวมหาวิทยาลัยนเรศวร รวมทั้งชาวพิษณุโลกไม่มีองค์ความรู้ที่รวบรวมไว้เลยคงตอบไม่ได้
ทั้ง ๆ ที่เป็นประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก
ถ้าเราฟื้นฟูพระราชวังจันทน์ขึ้นมา ก็จะเป็นจุดที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ในฐานะที่เป็นเมืองเอกของเมืองหลวงในแทบทุกยุคทุกสมัย”
-
จัดการเสวนาวิชาการ
โดยระดมผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์ ทั้งด้านประวัติศาสตร์
โบราณคดีและสถาปัตยกรรม เช่น
นายพีรพน พิสณุพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย (ตำแหน่งในขณะนั้น),
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. สันติ เล็กสุขุม นักประวัติศาสตร์ศิลปะ ผู้สร้างรูปแบบสันนิษฐานซึ่งจัดวางอยู่
ณ พระราชวังจันทน์, ศาสตราจารย์ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์
คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ไทย,
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุรพล วิรุฬห์รักษ์ ราชบัณฑิต, รองศาสตราจารย์ ดร.มังกร
ทองสุขดี นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เป็นต้น เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
ความคิดเห็นในมุมมองต่าง ๆ
เกี่ยวกับการพัฒนาพระราชวังจันทน์ ตลอดจนการลงพื้นที่ปฏิบัติการ ณ
พระราชวังจันทน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นคณะแรกที่ได้ศึกษาศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ซึ่งสร้างเสร็จแล้ว
แต่ยังไม่เปิดให้บริการ นับเป็นโครงการสำคัญกระตุ้นให้เกิดการการบริหารจัดการและบูรณะ
พัฒนาพระราชวังจันทน์
-
จัดงาน “ย้อนอดีตพระราชวังจันทน์
สร้างสรรค์เมืองพิษณุโลกสองแคว” ประกอบด้วยการจำลองวิถีชีวิต
วัฒนธรรมในยุคสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นิทรรศการพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์
พร้อมการแสดงละครเทิดพระเกียรติ
-
เป็นวิทยากรในการอบรม
สัมมนา และร่วมประชุมหารือแนวทางการพัฒนาพระราชวังจันทน์
สู่แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดพิษณุโลก
ในฐานะคณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่โบราณสถานพระราชวังจันทน์
-
จัดสร้างรูปแบบสัณฐานพระที่นั่งในพระราชวังจันทน์ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชใน
รูปแบบสองมิติและสามมิติ
โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล ผู้อำนวยการสถานอารยธรรมศึกษา
โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร อันนำมาสู่การจัดสร้างพระที่นั่งจำลองในปัจจุบัน
ปัจจุบันพระราชวังจันทน์ซึ่งมีพื้นที่
๑๒๘ ไร่ ๒ งาน ๕๐ ตารางวา ได้รับการบูรณะ ปรับปรุง พัฒนา บำรุง รักษา
โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้รับการถ่ายโอนจากกรมศิลปากร คาดว่าใช้เวลาอีก ๒ ปีจึงจะเสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าศึกษา เยี่ยมชมพระราชวังจันทน์ ตั้งแต่วันที่
๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๘
การกลับมาเยือนพระราชวังจันทน์ของชาวสถานอารยธรรมศึกษา
โขง-สาละวินในครั้งนี้ สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์โดยรอบอันสะอาด
สดใส สวยงาม ร่มรื่น สบายตา
ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสร้างพระที่นั่งในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
การพัฒนาบริเวณสระสองห้อง สระน้ำโบราณ ในอดีตเป็นสถานที่สรงสนานของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ
ตลอดจนการบูรณะอาคารไม้ทรงโบราณอายุกว่า ๑๐๐ ปี สำหรับจุดที่ผู้มาเยือนสามารถเยี่ยมชมได้อย่างเต็มรูปแบบ
คือ ศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร (จำลอง)
และวัดสำคัญต่าง ๆ ปกติแล้ว
การเยี่ยมชมพระราชวังจันทน์จะมีมัคคุเทศก์คอยนำชมให้ความรู้ทุกวัน ตั้งแต่ ๐๙.๐๐ –
๑๖.๐๐ น. แต่ในวันนี้เรามีมัคคุเทศก์กิตติมศักดิ์ คือ คุณลุงสิทธิชัย โหมดจิ๋ว
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ไม่ได้ผ่านการอบรมด้านการนำชม แต่เปี่ยมด้วยพลังของประสบการณ์ตรง
จากการใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่แห่งนี้
พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร
(จำลอง) หรือพระอัฏฐารส เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดสูง
๑๐ เมตร ๕๒ เซนติเมตร ซึ่งคณะกรรมการโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่โบราณสถานพระราชวังจันทน์จัดสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐาน ณ วัดวิหารทอง
ดังที่เคยมีมาเมื่อครั้งอดีต เนื่องจากภายในวิหารของวัดวิหารทองเดิมเป็นที่ประดิษฐานพระอัฏฐารส
ศิลปะสกุลช่างสมัยสุโขทัยตอนต้น หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ ซึ่งแตกต่างจากพระอัฏฐารสองค์อื่น
ซึ่งมักจะสร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อัญเชิญพระอัฏฐารสของวัดวิหารทองไปยังกรุงเทพฯ
โดยสร้างวิหารขึ้นใหม่ที่วัดสระเกศ และอัญเชิญพระอัฏฐารสมาประดิษฐานในวิหารเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๖๘ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
ได้ทรงเฉลิมพระนามพระอัฏฐารสองค์นี้ว่า พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร
ศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ จัดสร้างโดยกองทัพภาคที่ ๓ กรมศิลปากร บริษัท
ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และมูลนิธิเย็นศิระเพราะพระบริบาล ตามโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังจันทน์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๕ เพื่อเป็นสถานที่เรียนรู้
ศึกษาทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ของจังหวัดพิษณุโลก
ลักษณะเป็นอาคารกลุ่มชั้นเดียวเชื่อมต่อกัน
สถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์หลังคาทรงปั้นหยาผสมจั่ว
ภายในศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์แบ่งเป็นห้องนิทรรศการ
๖ ส่วน
ส่วนที่
๑ เป็นส่วนต้อนรับ ให้บริการข้อมูลแก่ผู้เข้าชม
มีการจัดทำแอพพิเคชั่น "chan palace" เพื่ออำนวยความสะดวกการเข้าถึงข้อมูลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่
ส่วนที่
๒ "พิษณุโลก: เมืองประวัติศาสตร์สำคัญที่ตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำน่าน" จัดแสดงภาพรวมทั้งด้านทางภูมิศาสตร์
ลักษณะทางกายภาพและข้อมูลพื้นฐานของจังหวัด
ส่วนที่
๓ "บันทึกประวัติศาสตร์ ๙ ศตวรรษ
เมืองพิษณุโลก"
จัดแสดงเรื่องราวตั้งแต่กำเนิดเมืองสองแคว
จนถึงปัจจุบันเป็นศูนย์กลางภาคเหนือตอนล่าง ปกติเราจะรู้จักพิษณุโลกในอีกสองชื่อว่า สองแคว
กับ อกแตก ด้วยมีแม่น้ำสองสายไหลผ่านคือแม่น้ำน่านและแม่น้ำแควน้อย
โดยแม่น้ำน่านไหลผ่านกลางเมืองพิษณุโลก แต่ที่นี่เราจะได้รู้จักพิษณุโลกในอีก ๒
ชื่อ คือ เมืองสรลวงสองแควและเมืองชัยนาท ซึ่งเป็นชื่อที่มีมาก่อนที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถซึ่งเสด็จฯ
มาประทับที่เมืองนี้ โปรดให้ขนานนามว่าเมืองพิษณุโลก
หมายถึงที่ประทับของพระนารายณ์ตามความเชื่อที่ว่า
พระมหากษัตริย์คืออวตารหนึ่งของพระนารายณ์
ส่วนที่
๔ "ศิลปกรรมและงานช่างหลวงพิษณุโลก" มีแผนผังพระราชวังจันทน์และวัดสำคัญโดยรอบ ตลอดจนวัดสำคัญในพิษณุโลก
คุณลุงสิทธิชัยชี้ให้เราดูภาพของวัดหนึ่งซึ่งเราและหลายคนคาดไม่ถึงว่าจะจัดแสดงอยู่ในห้องนี้คือ
วัดอรัญญิก ซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองพิษณุโลก
สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท) แห่งกรุงสุโขทัย
ในคราวเสด็จฯ มาครองราชสมบัติที่เมืองพิษณุโลก ระหว่างพ.ศ. ๑๙๐๔ – ๑๙๒๑
วัดอรัญญิกแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของสุโขทัยและอยุธยาที่มีต่อเมืองพิษณุโลกเป็นอย่างดี
ในห้องนี้ยังมีเกมดิจิตอลค้นพบโบราณสถานที่สำคัญให้ผู้เข้าชมได้เล่นเพื่อความสนุกสนานและได้รับความรู้ด้วย
คุณลุงชี้ให้ดูช่องบรรจุหลอดไฟ จำนวน ๒๔ ช่องบนผนังกำแพง ที่ตอนแรกเราคิดว่าเป็นเพียงการตกแต่ง
แต่คุณลุงก็ชวนให้คิดว่าน่าจะมีความหมาย เช่น แทน ๒๔ ชั่วโมงใน ๑ วัน เรื่องนี้คงต้องหาความจริงกันต่อไป
อีกหนึ่งความสำคัญของห้องนี้คือ ผังจำลองพื้นที่โบราณสถานพระราชวังจันทน์ ให้ได้ศึกษาอย่างชัดเจน
ตั้งแต่ตัวอาคารศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และส่วนที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
พัฒนา คือ พระที่นั่งในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สระสองห้อง ตลอดจนการบูรณะอาคารไม้ลักษณะสถาปัตยกรรมไทยทรงปั้นหยา
จำนวน ๒ หลัง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าศูนย์ประวัติศาสตร์ฯ เมื่อเดินเข้ามาอีกห้อง
พบกับรูปแบบสันนิษฐานพระราชวังจันทน์ โดยศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. สันติ
เล็กสุขุม แสดงให้เห็นพระราชวังจันทน์ทั้ง ๓ สมัย ที่คุณลุงเปิด-ปิดไฟให้เราดูขอบเขตของแต่ละยุคสมัย
แถมด้วยตัวอย่างของโบราณวัตถุ (จำลอง) ที่ขุดค้นพบ เช่น เครื่องถ้วยจีน, คนโทสำริด
เป็นต้น
ส่วน
๕ “จากเจ้าฟ้าพระองค์น้อยแห่งวังจันทน์สู่พระมหาวีรบุรุษของชาติไทย” จัดแสดงพระราชประวัติและวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้รู้จักพระนามของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจากหลักฐานต่าง
ๆ เช่น พระนารายณ์บพิตรเป็นเจ้า จากพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา
ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์, สมเด็จบรมบาทบงกชลักษณ์อัครบุรีโสดมบรมหน่อนราเจ้าฟ้านเรศเชษฐาบดี
จากบานแพนก กฎหมายลักษณะกบฏศึก ตอน ๑ จุลศักราช ๙๕๕ รัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ,
พระราชาไฟ จากจดหมายเหตุของนายปีเตอร์ ฟลอริส เรียกพระนามเป็นภาษามลายู เป็นต้น เรื่องราวและการจำลองเหตุการณ์สำคัญ
ได้แก่ พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง, พระแสงดาบคาบค่าย, พระมาลาเบี่ยงและโล่,
พระแสงทวน, พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย
สุดท้ายก่อนออกจากห้องนี้ได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งคุณลุงสิทธิชัยบอกว่ามีลักษณะสมบูรณ์แบบที่สุด
ส่วนที่
๖ นิทรรศการหมุนเวียน จัดแสดงเรื่องราว เหตุการณ์ การบูรณะ พัฒนาพระราชวังจันทน์ เช่น พระราชวังจันทน์เดิมเป็นที่ตั้งของโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม,
การถ่ายโอนพระราชวังจันทน์จากกรมศิลปากรให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก, การพัฒนาพระราชวังจันทน์
ปี ๒๕๕๘ งบประมาณ ๕๐ ล้านบาท, จัดการแสดงแสง เสียง
เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, การอบรมมัคคุเทศก์น้อยแนะนำพระราชวังจันทน์
ซึ่งคุณลุงสิทธิชัยบอกว่า
ในช่วงปิดเทอมหรือเสาร์/อาทิตย์จะมีมัคคุเทศก์น้อยจากโรงเรียนต่าง ๆ เช่น
เฉลิมขวัญสตรี, จ่านกร้อง, โรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครพิษณุโลก เป็นต้น
ขณะเดินชมอาณาบริเวณโดยรอบศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์
เราก็ได้รับความรู้ เกร็ดชวนสนใจจากคุณลุงสิทธิชัยอีกหลายอย่าง เช่น
-
ในการบูรณะอาคารไม้โบราณ ๒
หลังให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ตามรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยโบราณต้องใช้ความละเอียด ประณีตอย่างสูง
เนื่องจากอาคารทั้ง ๒ หลังมีอายุถึง ๑๑๘ ปี สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๕ โดยเป็นจะปรับปรุงให้สถานที่จัดแสดงนิทรรศการและอนุรักษ์ศิลปะอันทรงคุณค่า
-
เนื่องจากพระราชวังจันทน์
ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่าน ตรงข้ามกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
(วัดใหญ่) ซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธชินราช
จึงมีแผนที่จะก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำน่าน เชื่อมสถานที่สำคัญทั้ง ๒ แห่ง
เพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยว
-
ในจำนวน ๑๕
โครงการการพัฒนาพระราชวังจันทน์นั้น สิ่งที่ยังไม่ได้ทำคือ การก่อสร้างห้องสุขาและอาคารร้านค้า
ซึ่งนับว่ามีความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่น
-
เมื่อเราแนะนำว่านอกจากมัคคุเทศก์น้อยแล้ว
ให้คำนึงถึงมัคคุเทศก์ใหญ่ด้วย นั่นคือ ผู้สูงอายุเช่นเดียวกับคุณลุงสิทธิชัย
เพราะจะได้องค์ความรู้ที่หาไม่ได้จากตำรา คุณลุงก็บอกว่ามีข้าราชการบำนาญมาเป็นอาสาสมัครในการนำชมแล้ว
นับเป็นจิตอาสาที่น่านับถือยิ่ง
เมื่อถึงเวลาของการชมส่วนอื่น
ๆ คุณลุงสิทธิชัยก็ให้คำแนะนำอย่างตั้งใจ ซึ่งแต่ละแห่งอยู่ไม่ไกลกัน เริ่มจากวัดวิหารทอง วัดโพธิ์ทอง
วัดศรีสุคต สระสองห้อง ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
และใกล้กันเป็นการก่อสร้างพระที่นั่งในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พิเศษสุด
เราไม่ลืมตรงไปสักการะศาลหลักเมืองเดิมตามคำแนะนำของคุณลุง ซึ่งน้อยคนนักจะรู้จัก
เนื่องจากไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวังจันทน์ ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัด
และไม่ได้เป็นพื้นที่ที่ผู้คนจะพบเห็นได้โดยง่าย ทั้งนี้แม้ว่าจะมีการสร้างศาลหลักเมืองขึ้นมาใหม่แล้ว
แต่ศาลหลักเมืองเดิมนี้ก็ยังได้รับการสักการะบูชาจากคนในพื้นที่
วันนี้เราเอมอิ่ม ภูมิใจ สุขใจ กับความสำเร็จที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาพระราชวังจันทน์
พลิกฟื้นดินแดนประวัติศาสตร์สำคัญในอดีต ให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
ในรูปแบบของการศึกษา ท่องเที่ยว ชื่นชม ให้ชาวจังหวัดพิษณุโลกได้ภาคภูมิใจในถิ่นกำเนิด
คนไทยได้ร่วมรำลึกเหตุการณ์สำคัญ และชาวต่างชาติตื่นตาตื่นใจ
ทึ่งในคุณค่าประวัติศาสตร์ชาติไทย
พรปวีณ์ ทองด้วง นักประชาสัมพันธ์
สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น