วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560

เรวัติ น้อยวิจิตร 1 เมษายน 2560 ครบรอบ 56 ปี .. ชีวิตมีสุข !!



           เรวัติ  น้อยวิจิตร  1  เมษายน 2560 ครบรอบ 56 ปี  .. ชีวิตมีสุข  !!   ที่เกริ่นอย่างนี้ ก็อยากบอกว่า .. ครบรอบวันเกิดปีนี้ ชีวิตมีความสุขมาก  ทุกอย่างลงตัวตามที่ตั้งใจไว้ ..  ร้านพิซซ่าไทย โดย น้าปั๊ก ภรรยา และ น้องปอ  ปฐมพงศ์ ลูกชายคนโต  สามารถสร้างรายได้ ทดแทนรายได้ ที่ผมเคยได้แล้ว ลูกแมวเหมียว  ณัฐนันท์  ลูกสาวคนที่สอง จบการศึกษา ได้งานทำเรียบร้อยแล้ว  มีรายได้ที่ดี  และ อยู่ในบริษัท ที่มั่นคง  น้องโจโจ้  ลูกชายคนสุดท้อง กำลังจะจบการศึกษา  และตั้งเป้าหมาย จะกลับมาทำงานในบ้านเกิด ที่จังหวัดสุพรรณบุรี  ซึ่งก็ถือได้ว่า  ครอบครัวเรา .. เดินทางมาถึงเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว  !!  ครูบาอาจารย์ เคยบอกไว้ว่า มนุษย์เราเกิดมาแล้ว ต้องมีเป้าหมายชีวิต ถ้าชีวิตไม่มีเป้าหมาย ชีวิตก็ไม่มีทิศทาง อยู่ไปวันๆ แบบคนไร้ค่า .. หาประโยชน์มิได้   หากชีวิตมีเป้าหมาย  มีเข็มทิศ นำทาง แล้วเดินไป  ผ่านร้อน  ผ่านหนาว  สุขบ้าง  ทุกข์บ้าง  ผิดบ้าง  ถูกบ้าง .. ในท้ายที่สุด ชีวิตก็จะเดินมา จนถึง จุดหมายปลายทาง ที่ตั้งใจไว้ ..ขอเพียงว่า อย่าหยุด  !!







           ชีวิตผมวันนี้ ก็ไม่ต่างไปจากนั้น ชีวิตเริ่มต้น ในครอบครัวข้าราชการครู คุณพ่อ เป็นครู คุณแม่เป็นแม่บ้าน ครอบครัวเรายังมีอาชีพเสริมเป็นเกษตรกร ทำนา  เลี้ยงหมู  ปลูกผัก ผมมีพี่น้อง 4 คน พี่นิตยา คนโตเป็นครู  พี่หน่อย ปราณี อยู่บ้านช่วยแม่  ผม ซึ่งเป็นลูกผู้ชายคนเดียวของครอบครัว ก็ได้เป็นครู ตามที่พ่อแม่หวังไว้  และ กาญจนา  น้องสาวคนเล็ก ก็เลือกอาชีพ เป็นนางพยาบาล ตามที่ครอบครัวต้องการ  ชีวิตถูกกำหนด ให้เดินตามเส้นทาง ที่ครอบครัวอยากให้เดิน  พ่อแม่มักพร่ำสอนอยู่เสมอว่า .. รับราชการ ได้เป็นเจ้าคนนายคน ชีวิตจะสบาย  ไม่ลำบาก  ซึ่งลูกๆ ก็ไม่ได้ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง









           ในปี 2532   ซึ่งตอนนั้นผมอายุ 28 ปี แม่บอกอายุเยอะแล้ว ต้องมีครอบครัว  หลังมีครอบครัว  แยกบ้านจากพ่อแม่ มาอยู่บ้านของครอบครัวภรรยา ซึ่งเป็นครอบครัวเกษตรกร  ปี 2533 เราก็มีลูกชายคนแรกด้วยกัน " น้องปอ " เป็นชื่อที่ปู่ ตั้งให้ น่ารักมาก มีความเป็นตัวของตัวเอง มีความเป็นผู้นำ รับผิดชอบสูง เป็นที่รักของทุกคนในครอบครัว หลังน้องปอได้ 1 ขวบ  ปี 2534 ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยน โดยมีเป้าหมายเป็นของตนเอง  ผมลาออกจากราชการ หลังทำงานมาได้ 10 ปีเศษ  มาเลือกอาชีพเป็นตัวแทนขายประกันชีวิต ซึ่งเห็นว่า เป็นอาชีพ ที่สามารถสร้างรายได้ได้มากกว่า 7 ปี ในธุรกิจประกันชีวิต สร้างประสบการณ์ ให้กับผมมากมาย แต่ชีวิตก็ถึงจุดหักเห ในปี 2540 เกิดวิกฤตการฟองสบู่แตก ธุรกิจล้มระเนระนาด  ประกันขายยาก คนไม่มีเงินซื้อ ผมหลุดออกจากวงจร ประกันชีวิต







           ปี 2541 ผมได้รับการทาบทาม ให้เข้าสู่วงการประกันวินาศภัย ในบริษัทยักษ์ใหญ่ แห่งหนึ่ง  ชีวิตผมกลับมาเกิดได้อีกครั้งหนึ่ง การกลับมาครั้งนี้ ทำให้ผมได้บทเรียน ในชีวิตมากมาย  เราเริ่มเก็บออมเงิน เก็บทุกเดือน หลายปีให้หลังเราก็มีเงินออมก้อนโต เราซื้อบ้านใหม่ เพื่อเป็นครอบครัวของเราเอง ไม่อาศัยอยู่กับพ่อแม่เหมือนเช่นแต่ก่อน  ชีวิตดีมาก ได้ทำงานกับตัวแทนมากมาย หลายร้อยคน ได้พบปะกับผู้คน  คู่ค้า ทั้งอู่  โรงพยาบาล  ผมเดินสาย ตั้งแต่ สระบุรี จนถึงประจวบคีรีขันธ์ 12  จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท ให้ลงไปขยายงาน จากตัวคนเดียว เวลาผ่านไป 10 ปี มีพนักงาน 15 คน สร้างผลงานให้บริษัท ได้ปีละไม่น้อยกว่า 60 ล้านบาท ชีวิตเฟื่องฟูมาก ได้ไปต่างประเทศ ปีละ 4-5 ครั้ง เพื่อพาตัวแทนไปเที่ยว  กว่า 20 ประเทศ บางประเทศ ไปไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง แต่ชีวิตก็ต้องกลับมาล้มลงอีกครั้ง ในปี 2550   เมื่อ บริษัท ที่ทำงานอยู่ ในอเมริกา มาตกที่นั่งจะล้มละลาย  ต้องปิดสำนักงานหลายแห่ง ในหลายประเทศ  ผมกลับมาตกงานอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นครั้งที่สอง ที่ชีวิตต้องเข้าตาจน ..







            รายได้ ที่เคยรับ เดือนละ  6 หมื่นบาท กับรถประจำตำแหน่ง และ บัตรเติมน้ำมันฟรี ต้องหายวับไปกับตา ทำให้ชีวิตกลับหน้ามือ เป็นหลังมือ ลูกกำลังเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย รายจ่ายมากมาย ที่เคยจ่ายไม่สามารถลดลงได้ เงินไม่มีใช้ ทำให้เราต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่ เอามาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน คอนโด ที่ กรุงเทพฯ  ที่นาของภรรยา  ถือเป็นความเลวร้ายครั้งใหญ่ ของครอบครัว  แต่ในสภาวะที่เลวร้าย กลับทำให้เรา หาทางรอด ด้วยการดิ้นรนต่อสู้  จนทำให้เราได้พบธุรกิจใหม่  " ชานมไข่มุกไต้หวัน "  ไม่น่าเชื่อว่า จะเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้มากมาย  ผมเปิดร้านแห่งแรกที่  อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขายดิบขายดี   และด้วยความโชคดี ในต่างแดน ต่างพื้นที่ ทำให้เราได้มีโอกาสรู้จักกับธุรกิจร้านขายพิซซ่า ที่อำเภอเสนา  จนเป็นที่มาของ  ร้านพิซซ่าไทย กว่า 20 สาขา แบรนด์ดังในจังหวัดสุพรรณบุรี ในวันนี้








             ปี 2560 ผมเลือกกลับมาใช้ชีวิตอยู่บ้าน เพราะ ภรรยา กับ ลูกชายคนโต " น้องปอ " สามารถสร้างรายได้ จากร้านพิซซ่าไทย สุพรรณภูมิ เดือนละ 6 หมื่นบาท แทนรายได้จากผมแล้ว พวกเขาสามารถบริหารกิจการ ได้ตามลำพัง สองแม่ลูก ลูกปอ รับเงินเดือน 12000 บาท จากแม่เขา  ลูกแมว เรียนจบแล้ว ได้ทำงานที่บริษัท มิชลิน ของฝรั่งเศษ  เป็นวิศวกร ประจำบริษัท เขาอยากอยู่ที่บริษัทนี้ เพราะเห็นว่า ถ้าอยู่ได้ 3-4 ปี ก็จะถือว่าสอบผ่าน  มิชลิน ประเทศไทย เป็นศูนย์ของภูมิภาคนี้  แต่ละวันต้องประชุมกับต่างชาติ ทั้งฝรั่ง ทั้งญี่ปุ่น ฯลฯ เชื่อว่า จะได้ประสบการณ์มากมาย จากที่นี่  น้องโจโจ้  ปีหน้าขึ้นปี 4  ปีสุดท้าย  ที่ ธรรมศาสตร์ รังสิต ความไฝ่ฝัน อยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์ เพราะเรียนมาทางด้านนี้ ก็สุดแล้วแต่เขา  .. เคยคุยกัน ในครอบครัวเสมอว่า  อยากเรียนอะไร  อยากทำงานอะไร ก็เอาที่ชอบ  .. ชีวิตจะได้มีความสุข  รายได้น้อย ก็พยายามหารายได้เสริมเอา กินใช้แต่น้อย ก็อยู่ได้ ชีวิตมีสุข ...










           1  เมษายน 2560 ครบรอบวันเกิด 56 ปี ถือว่าเกษียณแล้ว  กลับมาช่วยเพื่อน ขยายตลาด ปุ๋ย - ยา  ที่เป็นชีวภาพ ทำแบบชิวๆ สบายๆ ไม่รีบร้อน  เมื่อปลายปี บริษัท ให้ฟรีมา 20 ตัน 400 ถุง แจกให้ เกษตรกร ชาวนาไปลองใช้ พอเริ่มเปิดขาย เมื่อปีใหม่  9 มกราคม 2560 สั่งมา 26 ตัน ผ่านฤดูกาลแรกไปก็ขายไปเกือบหมดแล้ว ผลตอบรับ  ดีเกินคาด  ทำนา 12 ไร่ ได้ข้าว 15 เกวียน  จนชาวนายกนิ้วบอก .. ของมึงแน่ว่ะ .. ตื่นเช้ามา 6 โมงอากาศกำลังสบาย  ก็ขุดดิน ถางหญ้า  ปลูกต้นไม้  รดน้ำต้นไม้  มีเสียงรถไถนาเข้าบ้าน  ก็เป็นที่รู้กันว่ามาซื้อปุ๋ย .. 5 ถุงบ้าง  10 ถุงบ้าง ก็ยกขึ้นรถไถนาให้เขาไป  ถ้าเอาเยอะ เป็นตัน ก็โทรเรียกคนขึ้นปุ๋ย มาแบกขึ้นแทน  .. กลัวเดี้ยง  เดี๋ยวจะไม่คุ้ม   น้องปอ ลูกชายคนโต ก็ตื่นประมาณ 6 โมงเช้า แต่เลือกที่จะไปตกปลาช่อน ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ  ประมาณ  8 โมงเศษๆ ก็จะกลับมา บางวันก็ได้หลายตัว  บางวันก็ได้น้อย  ส่วนคุณแม่ จะลุกออกมาจากบ้าน ประมาณ 7 โมง มาสอบมะม่วง ริมรั้วบ้าน ต้องสอยทุกวัน ถ้าเว้นก็จะสุกหล่น เกลื่อนโคนต้น เสร็จภารกิจ ประจำวัน ประมาณ 9 โมง ก็มากินข้าวเช้ากัน  ส่วนใหญ่ จะเป็นข้าวต้ม มีเต้าหู้ยี้  ถั่วลิลงอบเกลือ  เกี้ยมฉ่ายกระป๋อง อาหารเช้าประจำวัน   ประมาณ 9 โมงครึ่ง แม่ค้า พ่อค้า ร้านพิซซ่าไทย ก็จะออกเดินทาง เพื่อไปร้าน  ตัวผมเอง ก็จะว่าง  ปฎิบัติหน้าที่  Admin  ให้กับเพื่อนๆ สื่อท้องถิ่น ในการเขียนข่าวลง บล็อก เว็บไซต์ เพิื่อเผยแพร่ ให้กับ ผู้ที่ติดตามข่าวสารของเราได้ทราบ  นับเป็นกิจวัตร ประจำวันที่มีความสุข แต่ 3 เดือนที่ผ่านมา    เพื่อนๆบอก ตัวดำไปเลยมึง น้ำหนักลดไป 5 กิโล  ก็ถือว่า ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ..











           ปีนี้ ก็อยากบอก สำหรับ เพื่อนๆ ทุกคน ที่ติดตามข่าวมาโดยตลอด ว่า ..  ผมสบายดี  ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่กลับมาอยู่บ้าน ได้ทำงานที่ชอบ ตอนนี้ มะนาวแป้นพวงบ้านแพ้ว กว่า 40 เข่ง กำลังโตวันโตคืน วันหน้าออกลูก ก็มาแบ่งเอาไปกินกัน  ดอกขจร  ถั่วฝักยาว  หน่อไม้ฝรั่ง  ฟักข้าว  เสาวรส  ก็กำลังโตวันโตคืน วันหน้าผลิดอกออกผล ก็มาแบ่งเอาไปกินกัน  หรือ ใครอยากจะแบ่งไปปลูกที่บ้าน ก็มายกเอาไป .. ที่ทำอยู่ทุกวันนี้  ถือเป็นการเตรียมเอาไว้วันหน้า จะได้มีไว้กินเอง  เหลือก็แบ่งปันเพื่อนบ้าน หรือ ขายได้ .. ท้ายที่สุดนี้ ก็ขอขอบคุณ ทุกๆท่าน  ที่ปรารถนาดี ส่งความรู้สึกดีๆให้กันมาโดยตลอด สิ่งต่างๆเหล่านี้ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ในการต่อสู้ ฝ่าฟันต่ออุปสรรค ทั้งหลาย ทั้งปวง ที่ผ่านเข้ามา ในชีวิต จนก้าวเดินมา ได้จนถึงวันนี้ .. ขอบคุณจริงๆ







             จากใจ  ..  เรวัติ  น้อยวิจิตร

                     ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น นสพ.พลังชน
                     บรรณาธิการ เว็บไซต์ สุพรรณอินชัวร์ดอทคอม
                     Hub Admin  ศูนย์ข่าวท้องถิ่นออนไลน์ ในกลุ่มสุพรรณบุรีนิวส์

                     โทร  081-9107445
           
       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น