จากนั้นเจ้าหน้าที่อัญเชิญเสื้อพระราชทานเข้าประจำที่ หัวหน้าส่วนราชการเข้ารับเสื้อพระราชทาน หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ประชาชนผู้ลงทะเบียน เข้าแถว รับเสื้อพระราชทาน ตามลำดับ ทั้งนี้จังหวัดสระบุรีมีพี่น้องประชาชนลงทะเบียนทั้งสิ้น 5,163 คน
โดยทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและรู้สึกปลาบปลื้มในกิจกรรมที่ได้รับพระราชทานที่ทำให้พสกนิกรชาวไทยมีความสุข ซึ่งทุกคนเตรียมพร้อมและมุ่งมั่นที่จะร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อแสดงพลังของชาวจังหวัดสระบุรีในครั้งนี้
สำหรับกรณีที่ผู้เข้าร่วมสมัครกิจกรรมไม่สามารถมารับด้วยตัวเองได้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2561 สมารถมารับเสื่อพระราชทานได้ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2561 ณ ศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี ในวันเวลาราชการ หรือสามารถมอบอำนาจให้บุคลอื่นมารับ โดยมีหลักฐานประกอบได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนของผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมและของผู้รับมอบอำนาจ
โดยที่เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2561 ที่ผ่านมา นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ก็ได้นำส่วนราชการ พี่น้องประชาชน ชมรมปั่นจักรยาน พร้อมสื่อมวลชน ร่วมซ้อมปั่นจักรยาน bike อุ่นไอรัก เพื่อเตรียมความพร้อมของเส้นทาง และสร้างความมั่นใจให้กับนักปั่นที่จะร่วมกิจกรรมในวันที่ 9 ธันวาคม 2561 และเตรียมการในส่วนต่างๆทุกอย่างไว้พร้อมแล้วรวมทั้งได้สั่งการให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการที่จะอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยในกิจกรรมปั่นครั้งนี้อย่างเต็มที่
สำหรับเส้นทางการปั่น 29 กม.เส้นทางสิริมงคล โดยมีจุดเริ่มต้น ขาไป ที่บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดสระบุรี(หลังเก่า) ปั่นไปตามเส้นทางถนนพหลโยธิน เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวร ในพื้นที่ กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ผ่านพื้นที่กรมทหารม้าที่ 5 รักษาพระองค์ หลังจากนั้น มุ่งหน้าสู่วัดพระพุทธฉาย เพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา ขากลับ เดินทางตามเส้นทางสายรองในพื้นที่กรมทหารม้าที่ 5 รักษาพระองค์ และกรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ พร้อมร่วมทำกิจกรรมปล่อยปลาและปลูกต้นไม้ มุ่งหน้าเส้นทางสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ศูนย์การทหารม้าและที่มณฑลทหารบกที่ 18 จากนั้นเดินทางออกจากค่ายอดิศร กลับสู่ศาลากลางจังหวัดสระบุรี รวมระยะทาง 29 กิโลเมตร
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว) บรรณาธิการข่าว
เรวัติ น้อยวิจิตร Hub Admin rewat.noyvijit@hotmail.com 081-9107445
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น