Successmore ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ Deer เดียร์ (เสริมสร้างความแข็งแรง..ให้กระดูก และข้อ) ด้วย.. กระดูกอ่อนปลาฉลาม และ แคลเซี่ยม
แคลเซียมคืออะไร
ความต้องการของคนแต่ละวัย
หญิงตั้งครรภ์
สำหรับหญิงมีครรภ์แล้ว แคลเซียม นับได้ว่าเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อสภาวะการตั้งครรภ์อย่างมาก โดยหญิงตั้งครรภ์จำเป็นต้องได้รับ แคลเซียม มากกว่าคนธรรมดาเป็นพิเศษ เนื่องจากจะต้องถ่ายทอดแร่ธาตุดังกล่าวสู่ลูกเพื่อการพัฒนาโครงสร้างร่างกายของทารกในครรภ์ ดังนั้นหญิงมีครรภ์จึงมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะขาดแคลน แคลเซียม ถ้าไม่สามารถบริโภคอาหารที่ให้ปริมาณ แคลเซียม ได้เพียงพอต่อทั้งแม่และลูกได้ บ่อยครั้งจึงพบว่าหญิงมีครรภ์จะมีอาการกล้ามเนื้อปวดเกร็งในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย ที่พบบ่อยคือ บริเวณน่อง โดยจะเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือเดินมาก อันเป็นผลมากจากการขาด แคลเซียม นั่นเอง จากการศึกษาพบว่าหญิงตั้งครรภ์เป็นตระคริวถึงร้อยละ 26.8 และส่วนใหญ่เริ่มมีอาการตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 25 สัปดาห์ และอาการดีขึ้นได้อย่างชัดเจนหากได้รับการเสริม แคลเซียม ดังนั้น แคลเซียม จึงเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นยิ่งต่อสภาวะการตั้งครรภ์ เพราะนอกจากจะช่วยให้พัฒนาการเติบโตของทารกในครรภ์เป็นปกติแล้ว ยังมีส่วนช่วยรักษาเสถียรสภาพความหนาแน่นกระดูกในแม่ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกระดูกหรือโรค กระดูกพรุน ในภายหลังได้
วัยเด็ก
เด็กๆ ต้องการ แคลเซียม มากกว่าวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ เพื่อนำมาเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กระดูกและฟัน และส่วนอื่นๆ เพื่อใช้เป็นโครงสร้างของร่างกาย โดยการสะสม แคลเซียม ในเด็กที่หัดพูดจะช้าแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในวัยหนุ่มสาว ซึ่งจากการศึกษาพบว่าถ้าปริมาณ แคลเซียม ในร่างกายเด็กต่ำ จะทำให้ขบวนการสะสมเกลือแร่ในกระดูกและความหนาแน่นของกระดูกต่ำ เป็นผลให้เกิดโรคกระดูกอ่อนหรือโรคกระดูกค่อมงอได้ โดยเด็กจะมีอาการเหงื่อออกบริเวณศีรษะมากเกินไป การนั่ง คลาน เดิน ทำได้ช้า นอนไม่หลับ กระดูกขาของเด็กที่ได้รับ แคลเซียม ไม่เพียงพอเมื่อรับน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นตามอายุเป็นผลให้ขาโก่ง กระดูกซี่โครงโค้งงอ กระดูกเชิงกรานมีรูปร่างผิดปกติซึ่งอาการนี้เมื่อเกิดขึ้นกับเด็กแล้วไม่สามารถรักษาให้หายคืนปกติได้ นอกจากจะทำการผ่าตัดใหญ่เท่านั้น สิ่งที่สำคัญของช่วงอายุนี้คือ การพัฒนารูปแบบการบริโภคให้สอดคล้องกับระดับ แคลเซียม ที่ร่างกายต้องการให้เพียงพอ เพื่อพัฒนาความหนาแน่นของกระดูก ให้การเติบโตของเด็กเป็นปกติ อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกในช่วงต่อไปของชีวิตได้
วัยหนุ่มสาว
จากการศึกษาวิจัยแสดงว่า ช่วยอายุ 11-24 ปี เป็นช่วงที่ร่างกายดำเนินขบวนการก่อรูปกระดูก โดยถ้าร่างกายได้รับ แคลเซียม ในปริมาณที่ต่ำกว่าร่างกายต้องการ จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังซึ่งถ้าขาดอย่างร้ายแรงจะก่อให้เกิดโรคกระดูกอ่อน มีอาการเจ็บกระดูก เจ็บกล้ามเนื้อ และเมื่อประสบกับการกระดูกหัก กระดูกจะสมานให้เหมือนเดิมได้ช้า สิ่งสำคัญคือ การรักษาระดับการบริโภคอาหารให้สอดคล้องกับระดับ แคลเซียม ที่ต้องการเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูก ถ้าจะต้องมีการสูญเสียไปในภายหลังของช่วงชีวิต โดยถ้าเราได้รับ แคลเซียม ตั้งแต่อยู่ในวัยหนุ่มสาวหรือกลางคนอย่างสม่ำเสมอและพอเพียง อายุการสึกหรือผุกร่อนตามธรรมชาติก็จะยืดออกไปได้อีกนานกว่าคนที่อยู่ในวัยเดียวกันที่บริโภค แคลเซียม ไม่เพียงพอในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาว
วัยสูงอายุ
คนเราปกติจะมีโอกาสสูญเสีย แคลเซียม จากกระดูกเมื่อเรามีอายุมากขึ้น เพราะว่าเมื่ออายุเกินกว่า 30 ปีแล้ว ร่างกายจะไม่สะสม แคลเซียม อีกต่อไป โอกาสเผชิญกับโรคเกี่ยวกับกระดูกจะสูงถ้าร่างกายไม่ได้รับ แคลเซียม อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงวัยหมดประจำเดือนซึ่งการศึกษาพบว่าร่างกายจะสูญเสียกระดูกในช่วงประมาณ 5-6 ปีแรกหลังจากหมดประจำเดือน เนื่องจากการลดลงของฮอร์โมน oestrogens และประสิทธิภาพในการสร้าง Vitamin D ก็ลดลงตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีแนวโน้มจะเป็นโรค กระดูกพรุน สูง โดยเป็นโรคที่เป็นผลมาจากการขาดแคลน แคลเซียม ซึ่งบางครั้งอาจทำให้กระดูกหักได้เนื่องจากแบกรับน้ำหนักตัวไม่ไหว และในกรณีที่ร้ายแรงจะก่อผลเสียต่อกระดูกสันหลัง กระดูกต้นขา และกระดูกแขนท่อนนอกได้อีกด้วย โดยโรคดังกล่าวจะไม่แสดงอาการใดๆ ให้ทราบเลยจนกว่าจะมีอาการกระดูกหัก ดังนั้นคนในวัยสูงอายุที่มีการเสริม แคลเซียม ให้กับกระดูกอย่างเพียงพอ จะช่วยยับยั้งการสูญเสียกระดูกในช่วงนี้ได้ การเผชิญกับการผุกร่อนของกระดูกจะน้อยลง ความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับโรคที่เกี่ยวกับกระดูกเมื่อย่างเข้าสู่วัยทองก็น้อยลงหรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้จะเห็นได้ว่า แคลเซียม มีความจำเป็นสำหรับคนทุกเพศทุกวัยด้วยกันทั้งนั้น แต่ปริมาณความต้องการ แคลเซียม ของร่างกายจะแตกต่างกันในแต่ละวัย ซึ่งสถาบันสุขภาพแห่งชาติของอเมริกา (National Institute Health) แนะนำปริมาณของ แคลเซียม ที่เหมาะสมในแต่ละวัย ดังนี้
ประโยชน์ของแคลเซียม
แคลเซียม ในร่างกายเกือบทั้งหมดจะสะสมในกระดูกและฟัน ซึ่งเป็นที่ๆ มันๆ ไปช่วยทำให้เกิดความแข็งแรง อีกทั้งจะมีปริมาณ แคลเซียม จำนวนน้อยๆ ที่อยู่ในกระแสเลือดที่จะมีส่วนช่วยในการสร้างฮอร์โมนและเอนไซม์ต่างๆ เพื่อให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ เช่น
► แคลเซียม ทำหน้าที่เป็นตัวนำสัญญาณระหว่างเซลประสาทให้สื่อสารกันได้เป็นปกติ
► แคลเซียม ช่วยให้กล้ามเนื้อหดตัวได้เป็นปกติ ที่สำคัญคือกล้ามเนื้อหัวใจ
► แคลเซียม ช่วยในขบวนการทำให้เลือดแข็งตัว
► แคลเซียม ช่วยในขบวนการสร้างภูมิคุ้มกันโรค
ดังนั้นหน้าที่ๆ สำคัญเหล่านี้ทำให้ร่างกายขาด แคลเซียม ไม่ได้เลย ดังนั้นเมื่อร่างกายขาดก็จะไปดึงมาจากกระดูกแทน ส่งผลให้กระดูกไม่แข็งแรง แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่รับประทาน แคลเซียม น้อยกว่าครึ่งของที่ควรจะได้รับต่อวัน ทำให้กระดูกก็จะบางลง และไม่แข็งลงเรื่อยๆ และเรามักจะทราบว่าเราเป็นโรค กระดูกพรุน ก็ต่อเมื่อเกิดอาการกระดูกหักง่ายแม้กระทบเพียงเล็กน้อย
โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้รับประทานแคลเซียมร่วมกับ แมกนีเซียม และ วิตามินดี ซึ่งที่จริงแล้วร่างกายเราจะได้รับ วิตามินดี จากแสงแดดธรรมชาติอยู่แล้ว และยังพบในอาหารต่างๆ อีก วิตามินดีจะช่วยให้ แคลเซียม ถูกดูดซึมได้เป็นปกติ ส่วน แมกนีเซียม ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญของร่างกายและอาจจถูกยับยั้งการดูดซึมจาก แคลเซียม ได้ ดังนั้นจึงแนะนำให้รับประทาน แคลเซียม คู่กับ แมกนีเซียม ไปด้วยกัน
Successmore ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ Deer เดียร์
(เสริมสร้างความแข็งแรง..ให้กระดูก และข้อ)
ด้วย.. กระดูกอ่อนปลาฉลาม และ แคลเซี่ยม
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Deer เป็นอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงข้อและกระดูก อยู่ในรูปแบบผงใช้ชงดื่ม รถชาติทานง่าย มีส่วนประกอบจากสารสำคัญที่ถูกคัดสรรมาเพื่อมอบคุณค่าสูงสุดให้กับกระดูกและข้อ
คุณสมบัติของส่วนประกอบ
กระดูปลาฉลามอ่อน (Shark Cartilage Powder) กระดูกอ่อนปลาฉลามมีผลในการบรรเทาหรือรักษาโรคข้อเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เนื่องจากองค์ประกอบหลักที่อยู่ในกระดูกอ่อนปลาฉลาม คือ สารในกลุ่ม Glycosaminoglycan ช่วยป้องกันการสลายตัวของกระดูกอ่อน โดยทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ Collagenase ที่เข้ามาทำลายคอลลาเจนบริเวณกระดูกอ่อน มีผลทำให้กระดูกอ่อนที่มีข้อต่อแข็งแรง ยืดหยุ่นตัวสูง ทนต่อแรงกระแทกได้ดี จึงช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดกับข้อและกระดูกใด้ นอกจากนี้ยังลดการสร้างสารบางชนิดที่เข้าทำลาย Cartilage Matrix เพิ่มความสามารถในการดึงน้ำหล่อลื่นเข้าสู่ข้อมากขึ้น เพิ่มปริมาณการสังเคราะห์ Proteoglycan และ Hyaluronic acid จึงลดการเสียดสีระหว่างข้อต่อ ส่งผลให้ลดการอักเสบ ปวดและบวมของข้อได้
แคลเซียม (Calcium Amino Acid Chelate) แคลเซียมเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกระดูกและฟัน โดยจับกันเป็นผลึกอยู่กับฟอสฟอรัส สามารถดูดซึมได้ดี จึงส่งผลให้ร่างกายนำ Calcium ไปใช้ได้มาก เมื่อร่างกายได้รับ Calcium จะมีการดูดซึมเอาไว้ใช้ตามความจำเป็นแบบวันต่อวัน โดยส่วนใหญ่จะถูกดูดซึมไปยังกระดูกและฟันโดยตรงมากถึง 99% เพื่อการเสริมสร้างและคงความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
แอลอาร์จีลิน (L-arginine Monohydrochochlorude) เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ทำให้มีแคลเซียมในกระดูกมากขึ้น ลดการแตกหักของกระดูก โดย Growth Hormone จะไปกระตุ้นเซลล์กระดูกชนิด Osteoblast เพื่อทำการสร้างเซลล์กระดูก อีกทั้งยังช่วยให้วิตามินบี 3 เข้าจับแคลเซียม เพื่อให้กระดูกแข็งแรงและป้องกันกระดูกแตกง่ายได้อีกด้วย
แมกนีเซียม (Magnesium Amino Acid Chelate) เป็นสารอาหารประเภทเกลือแร่ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกระดูกและฟัน มีส่วนช่วยในการเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูก
ซีตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ (Citrus Bioflavonoids) เป็นสารที่ได้จากพืชตระกูลส้ม อุดมไปด้วยวิตามินซี และไบโอฟลาโวยอยส์ (Bioflavonoids) มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการผลิตคอลาเจนและอิลาสติน โดยเฉพาะกระดูกอ่อนและฟัน
ขมิ้นชัน (Turmeric Extract Powder) มีสารกลุ่ม Curcuminods มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงสามารถป้องกันโรคต่างๆ ที่มีสาเหตุจากการทำลายของอนุมูลอิสระ เช่น โรคไขข้ออักเสบ รูมาตอยด์ รวมทั้งการเสื่อมของร่างกายเมื่ออายุมากขึ้น
สังกะสี (Zinc Amino Acid Chelate) แร่ธาตุสำคัญต่อการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ในร่างกาย โดยจัดอยู่ในกลุ่มที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย แต่ไม่สามารถขาดได้ พบมากในผม เล็บ อัณฑะ กระดูก กล้ามเนื้อและตับ และมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูกอ่อน
Deer เดียร์ (เสริมสร้างความแข็งแรง..ให้กระดูก และข้อ)
ด้วย.. กระดูกอ่อนปลาฉลาม และ แคลเซี่ยม
แคลเซียม เป็นองค์ประกอบสำคัญของกระดูกและฟัน
พร้อมคุณค่าจากกระดูกอ่อนปลาฉลาม
แมกนีเซียม แอล-อาร์จีนีน และวิตามินดี
ช่วยบำรุงข้อต่อและกระดูก อยู่ในรูปแบบผงชงดื่ม รสชาติทานง่าย
คุณประโยชน์
ช่วยบรรเทาอาการไขข้อเสื่อม และ ผู้ป่วยรูมาตอยด์
ป้องกันมะเร็ง
Glucoaminoglycans (GAGs) ที่พบในกระดูกอ่อนปลาฉลาม จะมีผลยับยั้งการสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ๆ
ที่จะไปเลี้ยงเซลล์ที่ผิดปกติ หรือเซลล์มะเร็ง
(Antiangiogenesis) ทำให้เซลล์เหล่านั้นขาดสารอาหาร และไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อีก
มีคอลลาเจน และคอนดรอยติน ซัลเฟต
ช่วยบรรเทาอาการปวด อักเสบ ในผู้ป่วยโรคไขข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
ลดการอักเสบของผิวหนัง เช่น Eczema และ Psoriasisเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง
นอกจากนี้ยังพบแร่ธาตุแคลเซียม และฟอสฟอรัส
ทำให้ปัจจุบันมีประยุกต์ใช้กระดูกอ่อนปลาฉลาม ทางด้านสุขภาพที่หลากหลาย เช่น
ช่วยบรรเทาอาการจากโรคข้อเสื่อม ข้ออักเสบ
บรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง เช่น โรคเรื้อนกวาง เป็นต้น
ต้องลอง..ซะแล้วสิ !
ขนาดบรรจุ 15 ซอง
อย. เลขที่ 24-1-20555-1-0381 (มีฮาลาน)
วิธีใช้
รับประทานวันละ 1 ซอง
โดยผสมน้ำธรรมดา ครึ่งแก้ว คนให้เข้ากันแล้วดื่มก่อนอาหารเช้า
คำเตือน : เด็กและสตรีมีครรภ์ ไม่ควรรับประทาน
ลองฟังจากคุณหมอสิทวีย์คับ
https://youtu.be/ud1V0qHjlGk
รีวิวจากผู้ใช้
https://youtu.be/JtqSATigP7I
สนใจสินค้า ติดต่อสั่งซื้อ..ได้ตามที่อยู่ด้านล่าง
http://success-ateam.com/?id=196009&page=products37.html
หนึ่ง ณัฐพล nuengnattapon@gmail.com 0819848615
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น