ตำรวจกองปราบ ตร.ปทส.กรมอุทยานฯ ทหาร ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังบุกค้นบ้านเสี่ยใหญ่ ชาว กทม.อายัดเสือโคร่ง 4 ตัว เชื่อเครือข่ายเดียวกันกับวัดเสือ เตรียมตรวจ ดีเอ็นเอ เชื่อมโยงเสือวัดป่าที่หายไป 3 ตัวเมื่อปี 58 อีกทั้งสงสัยพื้นที่ดังกล่าวใช้เป็นที่ชำแหละและพักเสือ ด้าน สปก.ติดป้ายประกาศยึดวัดป่าหลวงตาบัว หรือวัดเสือ พร้อมเตรียมใช้พื้นที่จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
บ้านหลังดังกล่าวมีรั้วรอบขอบชิด ประตูทางเข้าเป็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ โดยมีบ้านพักสร้างติดกับกำแพงด้านขวามือพบภายในมีชายฉกรรจ์ 2 คนเจ้าหน้าที่จึงเรียกให้มารับทราบหมายค้น จากนั้นจึงเปิดประตูให้คณะเจ้าหน้าที่เข้าไป โดยภายในพื้นที่มีกรงขังสัตว์กระจัดกระจายหลายจุดบนเนื้อที่ 9 ไร่กว่า มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมีบ้านพักกระจัดกระจายหลายหลัง รวมทั้งมีโรงเก็บอาหารสำหรับให้เสืออีกจำนวนหนึ่ง
จากการตรวจค้นพบว่ามีกรงเหล็กขนาดใหญ่สร้างติดกัน 6 กรง พบเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลเพศผู้ชื่อไอ้ลาย อายุประมาณ 10 ปีถูกขังเอาไว้ภายในกรงที่ 3 ส่วนกรงที่ 4 เป็นเสือโคร่งเพศเมียชื่อ อีสาย อายุประมาณ 10 ปี กรงที่ 5 เป็นเสือโคร่งเพศเมียชื่อ ตัวเล็ก อายุประมาณ 2 ปีเศษ และกรงที่ 6 เป็นเสือโคร่งเพศผู้ ชื่อ โทน อายุประมาณ 1 ปีเศษ ส่วนกรงที่ 1 และ 2 ว่างนั้นว่างเปล่า
สำหรับคนดูแลเสือคือนายทวีป บัวลอย อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/1 หมู่ 3 ต.แม่กระบุง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี และนายชาญชัย ล่องลอย อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 197/4 หมู่ 1 ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ผู้ดูแลเสือทั้ง 2 คน ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าเสือที่พบอยู่ในกรงทั้ง 4 ตัว เป็นของนายธวัช ขจรชัยกุล หรือเสี่ยตง อายุ 68 ปี เจ้าของบ้าน โดยเดิมทีนายธวัช เป็นชาว กทม.แต่มาได้ภรรยาที่จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนเสือที่มีอยู่ได้เลี้ยงดูมานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำผู้ดูแลทั้ง 2 อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พ.ต.อ.มนตรี แป้นเจริญ รอง ผบก.ปป.กล่าวว่าเจ้าหน้าที่กองปราบปรามได้ทำการสืบสวนในเชิงลึกเกี่ยวกับขบวนการค้าสัตว์ป่ามานาน จนกระทั่งสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นแหล่งค้าสัตว์ป่าโดยเฉพาะเสือโคร่ง อีกทั้งยังใช้เป็นจุดพักเสือ รวมทั้งเป็นจุดชำแหระเสือ และจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เชื่อได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ซึ่งเสือที่ค้นพบครั้งนี้คณะเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจ ดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับเสือโคร่ง จำนวน 147 ตัวที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯขนย้ายออกไปจากวัดป่าเมื่อไม่นานมานี้ และจะสืบสวนต่อไปว่าเสือทั้ง 4 ตัว จะเกี่ยวข้องกับเสือโคร่งที่หายออกไปจากวัดป่าหลวงตามหาบัวฯจำนวน 3 ตัวเมื่อปี 2558 หรือไม่ โดยในวันพรุ่งนี้ 8 มิ.ย.ได้มีการนัดหมายกับคณะสัตว์แพทย์จากกรมอุทยานฯเข้ามาตรวจ ดีเอ็นเอ ของเสือทั้ง 4 ตัวเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับเสือวัดป่า ซึ่งจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 09.30 น.ที่ผ่านมา นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนางรจนพรรณ ณรงค์อินทร์ นิติกรชำนาญการ ส.ป.ก.กาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่รังวัด สปก.ได้นำป้ายขนาดใหญ่ไปติดเอาไว้ที่บริเวณประตูทางเข้าริมถนนสาย 323 หมู่ 5 ต.สิงห์ และประตูทางเข้าวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จำนวน 1 แผ่น โดยป้ายระบุว่า “ประกาศสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี (ส.ป.ก.กาญจนบุรี) ที่ดินจำนวน 931-0-83 ไร่ ผืนนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของ ส.ป.ก.ห้ามผู้ใดบุกรุกโดยเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืน จะถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกฯทุกราย โดย ส.ป.ก.กาญจนบุรี จะนำที่ดินผืนนี้เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินตามระเบียบ ต่อไป”
โดยหลังจากคณะเจ้าหน้าที่ดำเนินการติดตั้งป้ายประกาศแล้วเสร็จนายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนางรจนพรรณ ณรงค์อินทร์ นิติกรชำนาญการ ส.ป.ก.กาญจนบุรี ได้นำหลักฐานแผนที่และรังวัดฉบับเดียวกันกับของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.กสาณต์ พารา พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน โดยมี พ.ต.อ.บัณฑิต ม่วงสุขำ ผกก.สภ.ไทรโยค คอยกำชับเกี่ยวกับคดี
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี
เรวัติ น้อยวิจิตร นสพ.พลังชน ศูนย์ข่าวจังหวัดสุพรรณบุรี 081-9107445
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น