วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557

รองผบ.ตร.ภาค 1 ตรวจโรงปูนนครหลวง ตรานกอินทรีย์ จ.สระบุรี



รองผบ.ตร.ภาค 1 ร่วมเจ้าหน้าที่ตรวจโรงปูนนครหลวง ตรานกอินทรีย์  จ.สระบุรี


             คสช.เข้มสั่งผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติเชิงรุกกับนายทุนและบริษัทฯรุกป่าสงวนทั้งในปัจจุบันและอดีตหากมีการตรวจพบจะดำเนินการอย่างจริงจัง แต่ทางคณะคสช.ก็ยังเปิดโอกาสให้ผู้ครอบครองทุกรายที่ถูกทำการตรวจสอบนำเอกสารเท่าที่ครอบครองเข้าชี้แจงกับคณะผู้ตรวจได้อย่างเปิดเผย ซึ่งการทำงานครั้งนี้ถือเป็นการคืนป่าสู่ธรรมชาติและรักษาทรัพยากรของชาติ



             เมื่อ 8 ส.ค. 57 เวลา10.00น. พล.ต.ต.ศรีวราห์  รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทน  ผบช.ภ1 พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1พล.ต.ต.ชลิต  ปรีชาหาญ  ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.อ.รังสรรค์  ยิ้มสู้  รอง.ผอ.กอ.รมน.สระบุรี  พ.อ.พงษ์ศิลป์  สถิตย์ขราณี หน.กลุ่มงานข่าว กอ.รมน.สบ. ดร.ชรัส  บุญณสะ  ปลัดจังหวัดสระบุรี  นายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ และคณะเจ้าหน้าที่ทหารจาก จทบ.ส.บ. ,กอ.รมน.สบ.  ตำรวจป่าไม้ บก.ปทส.บท.2  สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) เข้าตรวจสอบการประกอบกิจการเหมืองหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมของบริษัท ปูนซิเมนต์นครหลวงจำกัด(มหาชน)  บริเวณ หมู่ 5 หมู่ 9   ต.ทับกวาง  อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จำนวน 9 จุด ที่ได้รับการร้องเรียนบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าทับกวางและป่ามวกเหล็กแปลง 1 รวมทั้งแนวเขตป่าไม้ถาวรกว่า 365ไร่โดยมีการดำเนินการแผ่วถางและสร้างอาคารพร้อมกองแร่ไว้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ



              ผลการตรวจสอบพบบางพื้นที่ เป็นพื้นที่ได้มีการก่อสร้างโรงซ่อมบำรุงพร้อมสำนักงานของฝ่าย เหมืองวัตถุดิบ ฝ่ายธรณีวิทยา  สร้างติดแนวเขาสูงพร้อมคลังเก็บวัตถุระเบิด และพื้นที่การทำเหมือง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ารุกป่าสงวนอย่างแน่นอน  และพร้อมให้ทางบริษัทฯนำหลักฐานมาแสดงชี้แจงแต่ทางบริษัทอ้างดำเนินกิจการหลายปี อ้างเหตุบุกรุกเพราะอดีต  เครื่องมือไม่ทันสมัยไร้GPS (เครื่องหาพิกัดผ่านดาวเทียม) คณะผู้ตรวจสอบ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี)และ พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ บำรุงสวัสดิ์ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปทส. เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทปูนซิเมนต์นครหลวงจำกัด(มหาชน) และผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป 




               ด้านนายวรเทพ รางชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารได้เปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าวได้ตั้งมา 40 กว่าปีแล้วในแต่ละครั้งจะดำเนินการตามกฏระเบียบมาตลอดแต่การเข้าตรวจสอบในครั้งนี้อาจมีการได้รับข่าวสารที่คาดเคลื่อนบ้าง หรืออาจเหตุจากในปัจจุบันได้นำเครื่องGPSที่ทันสมัยเข้ารังวัดและตรวจสอบ แต่ในอดีตไม่มี จึงทำให้ไม่มีความละเอียด ทางบริษัทพร้อมให้ความร่วมมือและแก้ไขกับทางราชการซึ่งหากมีการตรวจพบว่าทางบริษัทรุกที่ป่าสงวนก็ยินดีที่จะรับทราบข้อกล่าวหาและหาเหตุผลชี้แจงเช่นกัน






(คนธรรมดา  ม้าตัวเดียว) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น